ภาพยนตร์แอนิเมชั่นบางเรื่องนี่สร้างรายได้และเสียงตอบรับที่ดีจนมีภาคต่อและภาคแยกซึ่งต่างก็ทำรายได้สูงเรื่อยมา อย่างเรื่องนี้ที่มีภาคที่สามมาให้เราได้เสพกันในปีนี้ ‘Despicable Me 3’ หรือในชื่อไทย ‘มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3’ เรื่องราวของกรู วายร้ายที่กลายมาเป็นสายสืบพร้อมมีลูกสมุนจอมขโมยซีนอย่างเหล่าเจ้าตัวเหลือง มินเนี่ยน!
ตัวผู้กำกับคู่ ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย เมื่อ Pierre Coffin ยังคงนั่งกำกับเหมือนเดิม แต่มีคนใหม่อย่าง Kyle Balda มานั่งกำกับร่วม เรื่องราวของทีมตัวละครชุดเดิม…
เพิ่มเติมด้วยตัวละครใหม่!
เรื่องย่อหนัง ‘Despicable Me 3’
โลกของกรู (Steve Carell) ดูเหมือนจะกลายเป็นบ้านคนดีไปแล้ว เมื่อเขากลายเป็นสายลับที่ทำงานให้กับหน่วย AVL (Anti-Villain League) แต่เพียงเพราะเขาไม่สามารถตามจับ บัลธาซาร์ แบร็ตต์ (Trey Parker) วายร้ายในจอทีวีที่กลายเป็นมาเป็นวายร้ายนอกจอผู้ขโมยเพชรเม็ดเป้งไปได้ ทำให้เขาถูกไล่ออกจากหน่วย
และนั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาเป็นวายร้าย..อีกครั้ง
พอดิบพอดีกับที่มีตาแก่คาบข่าวมาบอกกรูว่า เขายังมีน้องชายฝาแฝดที่เขาไม่เคยรู้อยู่อีกคน ดรู (ก็ Steve Carell อีกนั่นแหละ) น้องชายผู้ร่ำรวยอู้ฟู่ที่เฝ้าติดตามพี่ชายด้วยความภาคภูมิใจ หวังให้เขากลับมาร้ายอีกครั้ง ในที่สุดก็สมใจ เมื่อกรูรวมตัวกับดรูเพื่อก่อการชิงเพชรกลับคืน แต่ต้องแลกกับการเสียเหล่าลูกสมุนมินเนี่ยนคู่ใจ
เพราะพวกมันหมดศรัทธาในกรูไปเสียแล้วววววว
รีวิวหนัง ‘มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3’
ไม่รู้ว่าวันนี้ เรารู้สึกโตขึ้นหรือเอาความเป็นผู้ใหญ่เดินเข้าโรงหนังหรือว่าอย่างไร เหตุใดเราจึงได้พบว่า ‘มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3’ จึงดูดร็อปความสนุกลงไปจากสองภาคก่อนอย่างน่าใจหาย
เริ่มด้วยการบอกเล่าที่มาที่ไปของวายร้ายแบร็ตต์ที่เราไม่ถือสาอะไร ยอมรับในความเป็นแอนิเมชั่นสำหรับเด็ก และเมื่อมันหันมาเล่าเรื่องการปะทะของกรู วายร้ายกลับตัวผู้มีหัวที่ล้านเลี่ยน กับวายร้ายแบร็ตต์ เราก็ว่าหนังยังทำได้ดี พอจะมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมาบ้าง ยังถือว่าไม่เลว
แต่หลังจากหนังเริ่มพาเราไปทำความรู้จักกับตัวละครฝาแฝดของดรู หลังจากนั้น ทุกอย่างก็ดำดิ่งลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ในระหว่างชม ‘มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3’ ได้ยินเสียงรอบข้างขำกันคิกคักกับเจ้าพวกตัวป่วนมินเนี่ยนในหนัง มันช่างน่ารักจริงๆ แม้ว่าจะฟังมันพูดไม่รู้เรื่อง แต่ก็คงต้องยอมรับไปตามตรง แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่า ช่วงระยะเวลา 90 นาทีของแอนิเมชั่นเรื่องนี้
มีช็อตที่รู้สึกว่า ‘น่ารักอะ’ อยู่บ้าง และมีช็อตที่ผมจะออกอาการ ‘ขำ’ อยู่เพียงไม่มีจุด ส่วนช็อตที่ฮาก๊ากนั้นปรากฏว่า ‘ไม่มีเลย’ ไม่รู้ว่าตัวเองมันชักจะแก่แล้วหรืออย่างไร
ทั้งๆ ที่ภาคแรกๆ ก็ฮาจนน้ำตาเล็ดกันเลยทีเดียวนะ
ดูผู้สร้างผู้กำกับจะเน้นเรื่องไปทางครอบครัวมากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนเลขของภาคที่เพิ่มขึ้น หนังเริ่มจะให้บทกับแอกเนสมากขึ้น ความน่ารักใสๆ ประสาเด็กยิ่งทำให้มันยิ่งเหมาะกับเด็กๆ มากกว่าจะเป็นผู้ใหญ่อย่างเราๆ
แต่น่าเสียดายที่ผมรู้สึกว่าช็อตขโมยซีนของเหล่ามินเนี่ยนไม่ได้เสียงฮาเท่าที่เคยเป็น
จุดเด่นของหนังที่ผมชอบ ก็คือ การนำอารมณ์ของยุคเก่าๆ มาสอดไส้ใส่ลงไปในตัวเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเอาตัวร้ายในละครทีวียุคเก่ามาสร้างเป็นวายร้ายในชีวิตจริง แถมยังบ้าเต้นดิสโก้เป็นชีวิตจิตใจ ใส่ไอเดียความร้ายด้วยการสร้างหุ่นยักษ์
ผมชอบทุกเพลงประกอบในแอนิเมชั่นภาคนี้ครับ
นับว่าน่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย ทั้งๆ ที่หนังก็ยังอุดมไปด้วยตัวละครที่เราติดตามมาหลายภาค คาแรคเตอร์เก่าๆ ที่คุ้นเคยก็ยังคงอยู่ครบ ทั้งที่สีสันของหนังก็สดใส หนังชวนให้เรารู้สึกว่ามันน่าจะยังไม่จบดี และมันน่าจะมีฉากแถม
แต่น่าเสียดายมากที่หนังไม่มีฉากจบหลังเครดิต
ชื่อภาพยนตร์: Despicable Me 3 / มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3
ผู้กำกับภาพยนตร์: Kyle Balda, Pierre Coffin
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Ken Daurio (characters), Ken Daurio (screenplay)
นักแสดงนำ: Jenny Slate, Kristen Wiig, Steve Carell, Julie Andrews, Miranda Cosgrove, Trey Parker
ความยาว: 90 นาที
แนว/ประเภท: Animation, Action, Adventure, Comedy, Family, Sci-Fi
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/PG
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 15 มิถุนายน 2560
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Illumination Entertainment, Universal Pictures
มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3
Despicable Me 3 - 6
6
Despicable Me 3
ดูท่าจะเป็นแอนิเมชั่นที่เหมาะสำหรับเด็ก คนรักตัวละครวายร้ายของกรู คนรักพลพรรคมินเนี่ยน เมื่อกรูมีน้องชายฝาแฝดที่หวังจะให้เขากลับมาเป็นวายร้ายอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ช็อตขโมยซีนของเหล่ามินเนี่ยนไม่ได้รับเสียงฮาเท่าที่เคยเป็น