วัยรุ่นมากมายเติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กับความฝัน แอนิเมชันเรื่องนี้ก็เช่นกัน มันเล่าเรื่องของวัยรุ่นกลุ่มเล็กๆ ที่ฝันถึงการเป็นศิลปินแจ๊สที่ประสบความสำเร็จ ในวันที่พวกเขาค้นพบว่า ตัวเองต้องการจะเป็นอะไรในอนาคต พวกเขาก็กล้าจะลุกออกมาแล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น มันจึงกลายเป็น ‘Blue Giant’ หรือชื่อไทย ‘เป่าฝันให้เต็มฟ้า’ แอนิเมชันสร้างแรงบันดาลใจจุดไฟให้กับคนที่ได้ดูอีกเรื่องหนึ่ง
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
แม้จะดูเหมือนตั้งใจเล่าเรื่องดนตรีแจ๊สที่คนทั่วไปอาจเข้าไม่ถึง แต่ที่จริง มันก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเกินกว่าจะเป็นเรื่องราวของวัยรุ่นหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่มีความฝันแตกต่างแต่ทั้งหมดทั้งมวลคือดนตรีแจ๊ส และพวกเขาก็ร่วมกันไล่ล่าความฝัน ต้องพบอะไรที่คนรวมวงกันต้องได้เจอ หนังพาเราไปเจอกับการเดินทางของดนตรีที่ทรงพลังและลื่นไหลไปตามอารมณ์ พาเราเฝ้ามองพัฒนาการของวงแจ๊สสามชิ้น ที่ก้าวไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง จนถึงฉากสุดท้ายที่ตราตรึงเป็นที่สุด
เรื่องราวมันอาจจะไม่ได้ล้ำลึกหรือแปลกใหม่อะไรมากนัก แต่เต็มไปด้วยพลังและแรงบันดาลใจ ลีลาการเล่าตอนเล่นสดของหนังชวนอิ่มเอมอย่างมาก ตรงที่มันระดมยิงลูกเล่นด้านงานภาพมากมายเข้ามา นอกจากนั้น ยังพาให้คนดูน้ำตาคลอตามไป ไม่ว่าจะอินกับเพลงแจ๊สหรือไม่ก็ตาม
เรื่องย่อหนัง ‘Blue Giant’
ได มิยาโมโตะ (พากย์เสียงโดย Yuki Yamada จากหนังเรื่อง ‘Shoplifters’ และ ‘Godzilla Minus One’) เด็กหนุ่มวัยสิบแปดจากเซนได เขามีความฝันที่จะต้องเป็นนักแซกโซโฟนอันดับหนึ่งของโลกให้ได้ ในที่สุด เขาก็มุ่งหน้าสู่โตเกียว ด้วยเงินที่น้อยนิด เขาจึงไปอาศัยอยู่กับกับ ชุนจิ ทามาดะ (พากย์เสียงโดย Amane Okayama จากซีรีส์ ‘The Perfect Insider’) เพื่อนที่โตมาด้วยกัน
ในที่สุด เขาก็ได้พบกับ ยูกิโนริ ซาวาเบะ (พากย์เสียงโดย Shotaro Mamiya จากหนังเรื่อง ‘Tokyo Revengers’) มือเปียโนที่เขาชื่นชอบในฝีมือ จึงชักชวนกันมาตั้งวงด้วยกัน ก่อนจะได้ชุนจิมาเป็นมือกลองแม้เขาจะเพิ่งเริ่มต้นหัดตีกลองก็ตามที พวกเขาได้ชื่อ ‘JASS’ วงแจ๊สสามชิ้นที่กำลังไล่ล่าความฝัน
รีวิวหนัง ‘เป่าฝันให้เต็มฟ้า’
นี่คือผลงานแอนิเมชันจากการกำกับของ ทาจิซาวะ ยูซุรุ จาก ‘ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน: ปฏิบัติการสายลับเดอะซีโร่ ฉบับมูฟวี่’ เขียนบทโดย NUMBER 8 และทำดนตรีประกอบโดย อุเอฮาระ ฮิโรมิ พัฒนาจากมังงะชื่อดังที่สร้างยอดพิมพ์ได้ถึง 11 ล้านเล่ม หนังที่หลายคนเฝ้าหวังและรอคอยจะได้เห็นการนำเข้ามาฉายในประเทศไทย
วงแจ๊สวงนี้เริ่มต้นขึ้นจากความฝันของเด็กหนุ่มบ้านนอกอย่าง ได มิยาโมโตะ ผู้ที่คร่ำเคร่งและหมกมุ่นอยู่กับการฝึกซ้อมฝีมือเป่าแซกโซโฟนของตนเอง ยามค่ำคืน เขามักจะออกไปยืนเป่าแซกตามริมแม่น้ำ ด้วยประสบการณ์เพียง 3 ปี ทั้งฝึกฝนด้วยตนเอง ทั้งเรียนจากผู้ช่ำชอง เขาหลงใหลในดนตรีแจ๊ส ด้วยเหตุผลที่ว่า มันเป็นดนตรีมีทั้งความร้อนแรงและทรงพลัง เขามุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงด้วยแพสชันที่เต็มเปี่ยม ไม่เคยมองถึงความล้มเหลว ทุกอย่างมีแต่เดินหน้าเท่านั้น
ด้วยความมุ่งมั่น ค้นหาเพื่อนร่วมทาง ในที่สุด เขาก็ก่อตั้งวงแจ๊สสามชิ้นขึ้นมาได้สำเร็จ ทั้งสามคนต่างก็มีฝีมือและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน และแน่นอน ก็ย่อมจะมีความคิดและบุคลิกที่แตกต่างกันไปด้วย บนเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไป จึงต้องพบเจอทั้งอุปสรรคภายในและภายนอก และต้องผ่านมันไปให้ได้ เพื่อทำความฝันให้เป็นความจริง
ระหว่างทาง คนดูจะได้พบเจอว่า การเดินทางของวงดนตรีวงหนึ่งจะต้องพบเจออะไรบ้าง แถมนี่ยังเป็นดนตรีแจ๊สที่ลมหายใจของมันแผ่วลงไป ไม่ใช่ดนตรีสายหลักแต่ก็มีจิตวิญญาณของตนเอง การเดินบนเส้นทางสายแจ๊สจึงต้องเข้มแข็งมุ่งมั่นยิ่งกว่า
ตัวละครทุกตัวจึงต้องเปี่ยมล้นไปด้วยเอนเนอร์จี้ พวกเขาไม่มีวันยอมแพ้ มุ่งมั่นฝึกฝน แสวงหาแรงบันดาลใจใหม่ ทบทวนและเติมเต็มข้อบกพร่องเพื่อให้เก่งขึ้นทุกวันที่มีลมหายใจ ด้านเรื่องราว หนังตั้งใจจะแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของวงแจ๊สวงนี้ จากจุดเริ่มต้นที่ยังไม่ลงตัวนัก ค่อยๆ เพิ่มพูนความสุดเยี่ยมขึ้นจนถึงตอนท้ายที่ให้เราได้อิ่มเอมกับเสียงดนตรีอันทรงพลังที่ผู้กำกับจัดมาให้อย่างเต็มเปี่ยมยาวๆ ทั้งเพลง
เมื่อพูดถึงด้านงานภาพ ก็ต้องบอกว่าไปกันได้ดีกับงานเพลง ระหว่างการบรรเลงของวง ‘JASS’ เขาก็ใช้เทคนิคการวาดภาพที่หลากหลายที่ใส่เข้ามาได้อย่างลงตัวและลื่นไหล จนทำให้เราได้รู้สึกถึงพลังของแจ๊สอย่างสุดๆ
อาจดูเหมือนเรื่องราวมันไม่ค่อยเยอะ เพราะเวลาส่วนใหญ่ของหนังทุ่มให้กับการบรรเลงของสามหนุ่ม แต่มันก็แทรกบทของตัวละครเล็กๆ เอาไว้ในนั้น ขณะเดียวกันก็เล่าสลับด้วยบทสัมภาษณ์ จนเราอาจคิดไปว่านี่มันคือเรื่องจริงของนักดนตรีแจ๊สมือดีสักคนในวงการ และเขาก็ไม่ลืมที่จะสร้างความอิ่มเอมใจจนน้ำตาไหลซึม ยิ่งใครเป็นคอแจ๊สก็คงจะอินหนักถึงขั้นน้ำตาไหลพรากได้เลยทีเดียว
ผมเอง เป็นแค่คนที่ฟังแจ๊สระดับผิวๆ ไม่ได้เป็นคอแจ๊สระดับลึก ซึ่งก็พบว่าตัวเองซึมซับดนตรีแจ๊สในช่วงท้ายได้มากที่สุด ทั้งงานเพลงและงานภาพสอดประสานกันได้อย่างลงตัว ซึ่งต้องดูโรงมืดจอใหญ่เสียงดังฟังชัดในโรงภาพยนตร์เท่านั้นแหละ ถึงจะมอบประสบการณ์อันอิ่มเอมนี้ได้ ‘เป่าฝันให้เต็มฟ้า’ เรื่องนี้ สร้างแรงบันดาลได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ในตอนนี้ แล้วไฟในตัวคุณมันกำลังมอดลง ดูหนังเรื่องนี้ น่าจะช่วยปลุกและจุดไฟเหล่านั้นให้ลุกพรึ่บขึ้นมาได้อีกครั้ง
หนังจบแล้วก็ไม่ต้องรีบลุกกันไป ฟังดนตรีแจ๊สให้อิ่มอีกรอบระหว่างเครดิต ก่อนพบกับฉากแถมท้ายสุดค่อยเดินออกจากโรง
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Blue Giant / เป่าฝันให้เต็มฟ้า / BLUE GIANT 藍色巨星 |
กำกับ | Yuzuru Tachikawa |
เขียนบท | NUMBER 8, Shin’ichi Ishizuka |
แสดงนำ | Shotaro Mamiya, Amane Okayama, Yuki Yamada |
แนว/ประเภท | แอนิเมชัน, ดราม่า, เพลง |
เรท | N/A |
ความยาว | 120 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | ญี่ปุ่น |
เข้าฉายในไทย | รอบพิเศษ 19-21 มกราคม 2024 เข้าฉายจริง 25 มกราคม 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | NUT Studio, Out of the Box by GDH |
คะแนนรีวิวหนัง เป่าฝันให้เต็มฟ้
พล็อตและบท - 8
การดำเนินเรื่อง - 8.8
การพากย์ - 8
งานภาพ - 9
เพลงและดนตรีประกอบ - 9
8.6
BLUE GIANT 藍色巨星
แม้จะดูเหมือนตั้งใจเล่าเรื่องดนตรีแจ๊สที่คนทั่วไปอาจเข้าไม่ถึง แต่ที่จริง มันก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเกินกว่าจะเป็นเรื่องราวของวัยรุ่นหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่มีความฝันแตกต่างแต่ทั้งหมดทั้งมวลคือดนตรีแจ๊ส และพวกเขาก็ร่วมกันไล่ล่าความฝัน ต้องพบอะไรที่คนรวมวงกันต้องได้เจอ หนังพาเราไปเจอกับการเดินทางของดนตรีที่ทรงพลังและลื่นไหลไปตามอารมณ์ พาเราเฝ้ามองพัฒนาการของวงแจ๊สสามชิ้น ที่ก้าวไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง จนถึงฉากสุดท้ายที่ตราตรึงเป็นที่สุด เรื่องราวมันอาจจะไม่ได้ล้ำลึกหรือแปลกใหม่อะไรมากนัก แต่เต็มไปด้วยพลังและแรงบันดาลใจ ลีลาการเล่าตอนเล่นสดของหนังชวนอิ่มเอมอย่างมาก ตรงที่มันระดมยิงลูกเล่นด้านงานภาพมากมายเข้ามา นอกจากนั้น ยังพาให้คนดูน้ำตาคลอตามไป ไม่ว่าจะอินกับเพลงแจ๊สหรือไม่ก็ตาม