“นาค” คือ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกของ beboydcg ครับ จริงๆ คิดจะหยิบเรื่องนี้มาเขียนถึงอยู่หลายหนแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาสสักที จนได้มาดูในโรงนี่แหละ ถึงได้มีโอกาสเขียนถึง ผมมีโอกาสจะได้ดูแอนิเมชั่นเรื่องนี้ถึง 3 หนด้วยกัน แต่ก็มาได้ดูเอาหนสุดท้าย หนแรก เพื่อนๆ ที่ทำหนังเรื่องนี้มันชวนไปดู แต่ก็ติดว่า มีอีกรอบหนึ่ง ที่ได้ดูเพราะเป็น “แฟนพันธุ์แท้” แล้วก็คุยกันไว้แล้วว่าจะไปดูกับแฟน ปรากฏว่า วันจริง ไปถึงโรงดันไฟดับ ต้องไปนั่งกินแมคกันมืดๆ อบๆ รอเวลา จนรอไม่ไหว จึงคิดว่า กลับดีกว่า จ่ายตังค์ดูเอาเองก็แล้วกัน ง่ายดี แล้วนั่นคือ ครั้งที่สามครั้งนี้นั่นไง
เอาล่ะ “นาค” ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกของ beboydcg ซึ่งจะว่า ประวัติศาสตร์ของแอนิเมชั่นเรื่องนี้ ผมเองก็เคยเป็นผู้สังเกตการณ์มันมาอย่างใกล้ชิดด้วย ครั้งหนึ่ง ผมเคยทำงานใน beboydcg ครับ
แต่ไม่ได้ทำการ์ตูนแอนิเมชั่น ผมไปทำด้านเว็บน่ะ ก่อนออกมา ผมยังเห็นตัวเองเป็นผี เตรียมที่จะถูกจับใส่ไปในหนังเลย (แต่จำไม่ได้แล้ว ว่าหน้าตาตัวเองตอนเป็นผีมันเป็นยังไง ไปดูแล้วดันหาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้พวกมันเอาเราออกไปหรือเปล่า)
แอนิเมชั่นฉบับภาพยนตร์ เป็นความใฝ่ฝันของ พี่บอย โกสิยพงษ์ ที่วันนี้ เขาได้ทำสำเร็จแล้ว ทำหนังการ์ตูนอย่างที่ใจฝันไว้ แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่นักก็ตาม… มันน่าสนุก (สำหรับทีมงาน) ตรงที่หยิบเอาผีหลากสายพันธุ์มารวมกันไว้ในหนังเรื่องเดียว ทำให้ต้องปั้นโมเดล 3 มิติของตัวละครเป็นสิบๆ ตัว ยังไม่รวมตัวประกอบคน และตัวประกอบผี (ที่ถอดแบบจากทีมงานคนทำ) อีก นับว่า เยอะเอาการทีเดียว
ตัวละครผี ก็หยิบมาแบ่งเป็นสองฟาก เพื่อให้มีตัวละครฝ่ายธรรมะและอธรรมที่แบ่งกันชัดเจนตามสไตล์หนังสำหรับเด็ก ผียุคเก่าที่มีคุณธรรมประจำใจ คอยช่วยเหลือมนุษย์ กับผียุคใหม่ฝักใฝ่ความเห็นแก่ตัว หลอกไม่เลือกหน้า แล้วก้มีมนุษย์อยู่ตรงกลาง ฝ่ายร้ายมาลักพาเอาเด็กน้อย “ธี” ไปเพื่อพิธีกรรมบางอย่าง ก่อนที่ “นาค” จะขอเปลี่ยนตัวเองเป็น “ฮีโร่ผี” ไปช่วยมนุษย์
กับสถานที่ ก็ยังมีแบ่งเป็นสองฟาก คือ “บ้านนอก” และ “เมืองกรุง” ผียุคเก่าระหกระเหินไปอยู่บ้านนอก แต่ผียุคใหม่หลอกคนอย่างไร้เหตุผลอยู่ในเมืองกรุง
ตัวละคร ก็ยังแบ่งสีสันให้เห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ก็น่าจะด้วยเหตุผลว่า ทำให้เด็กดู เด็กจะได้แบ่งแยกได้ง่าย ว่าตัวไหนเป็นตัวไหน นาคเป็นผีสีชมพูอมม่วง อืดก็เป็นผีสีฟ้า เขียวก็สีเขียวไง ส่วนทอง ไม่บอกก็รู้ว่าสีเหลือง คือสีออกจะสดใส ขณะที่ฝ่ายผียุคใหม่ สีจะโทนทึบทึม ไม่ก็สีแรงๆ dark dark ไปเลย
การพากย์ ได้ทีมพากย์ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นกลาง รุ่นใหญ่ มาร่วมกันสร้างสรรค์ รุ่นใหญ่นั้นคงไม่มีปัญหา รุ่นกลางก็ทำได้ดี แต่รุ่นเล็กค่อนข้างจะลำบากนิดหน่อย โดยเฉพาะตัว “ธี” ที่เก็ต แฟนฉัน มาพากย์ไว้ ค่อนข้างสะดุดตรงทุกฉากที่ธีร้องไห้ มันไม่เข้ากับภาพยังไงไม่รู้นะครับ
—————————-
ทีนี้มาพูดถึงการดำเนินเรื่องและพล็อตมั่งดีกว่า…
ผมอยู่กับทีมงานกลุ่มนี้มาช่วงหนึ่ง ก็เลยพอรู้ว่า พวกเขาชื่นชอบอะนิเมะของ Studio Ghibli มากเพียงใด (จนเป็นเหตุให้ผมรู้จักและชื่นชอบไปด้วย) แค่ต้นเรื่องเปิดขึ้นมาก็ถึงไปถึงวิธีการเปิดเรื่องของ Laputa : Castle in the Sky แล้วล่ะครับ เป็นการ์ตูนสองมิติน่ารักๆ ที่มีลายเส้นแตกต่างออกไปจากเรื่องปกติ บอกเล่าที่มาที่ไปก่อนจะเข้าเรื่อง ส่วนฉากรถไฟที่วิ่งจากสถานี “บ้านนอก” นั่นก็เช่นกัน ดูแล้วก็นึกไปถึง “Spirited Away” เสียจริงๆ
หลังจากนั้น ก็เริ่มเข้าเรื่องกันละ ซึ่งก็ปูเรื่องกันไม่นานมากนัก เรียกได้ว่า ทำได้ดีในช่วงต้น เปิดเรื่องด้วยความสัมพันธ์ของตัวละครระหว่างคนกับผี เรื่องปมในใจของนาค ก่อนที่จะผีจากเมืองกรุงจะบุกรุกลักพาตัวเด็กชายไป หลังจากนั้น เมื่อเหล่าพันธมิตรผีบุกไปถึงเมืองกรุง ทุกอย่างเริ่มผิดเพี้ยน การเล่าเรื่องและการลำดับเรื่องชักจะแปลกๆ ไอ้ที่ควรจะเร็วกลับช้า ไอ้ที่ควรช้ากลับเร็ว เหมือนคนมือไม่นิ่ง สลับไปกับช่วงที่ดูแล้วสนุกและลุ้น กับช่วงที่ขาดๆ เกินๆ ไปจนจบเรื่อง
พล็อตโดยรวม ผมเชื่อว่า คงได้รับการแก้ไขกันมาหลายช่วง (ได้ข่าว มะเดี่ยวก็โดดเข้ามาร่วมด้วย) ได้มาถึงขนาดนี้ก็ถือว่า ดีพอสมควรแล้วสำหรับเด็ก (แต่ยังดีไม่พอ หากให้ผู้ใหญ่ดู) พล็อตซับซ้อนมากกว่านี้ก็คงไม่เหมาะให้เด็กดู แต่ฉากการต่อสู้ก็ค่อนข้างจริงจังและรุนแรงอยู่บ้าง ถ้าทำให้มันตลกมากกว่านี้ ก็คงจะลดดีกรีความรุนแรงลงได้บ้าง และทำให้การดำเนินเรื่องไม่จืดชืดเหมือนอย่างที่เป็นอยู่
ส่วนเพลงประกอบนั้น ไม่พูดถึงคงไม่ได้ หนังของ บอย โกสิยพงษ์ ทั้งที เพลงประกอบไม่เพราะคงเป็นไปไม่ได้ ถือเป็นจุดเด่นจุดขายของหนังเลยก็ว่าได้ แต่ละเพลงที่ใส่เข้ามาถือ เป็นเพลงที่ฟังแล้วก็ประทับใจทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพลงเปิดตัวเหล่าผียุคใหม่ ที่ดูไอเดียแล้ว เหมือนหยิบกองทัพโคลนมาจาก Star Wars ยังไงยังงั้น ตัวเพลงนั้นสนุกสนาน ทำให้ไม่คิดว่า พวกมันๆ อย่างพวกนี้จะเป็นฝ่ายอธรรมไปได้ อีกเพลงที่เด่นดีและดึงอารมณ์ได้ ก็คือช่วงท้ายที่เป็นไอเดียที่น่าสนใจ เพลงกับภาพดูขัดกัน แต่เอามาเล่าร่วมกันให้ได้อารมณ์ที่ต้องการ ตัวเพลงทำหน้าที่ได้ดี และไม่ค่อยไปด้วยกันกับภาพนัก
—————————–
“ดูหนังจบแล้ว อย่าเพิ่งรีบลุกล่ะ” เพื่อนผมมันบอก คนที่รู้แกวมาก่อนอย่างเราจึงยังไม่ลุกไปไหน ในที่สุดก็ต้องมาเจอกับความขี้เล่นของคนทำ เมื่อมันทำอาการ “หลอกให้อยาก แล้วจากไป” ซะงั้น
—————————–
โดยรวม เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่น ที่ผสมผสานความเป็นแอนิเมชั่นแบบเอเชีย เข้ากับ ความเป็นแอนิเมชั่นแบบฮอลลีหวูด เข้าไว้ด้วยกัน หยิบจับมายำใส่ด้วยความขี้เล่น ความสวยงามของงานภาพนั้นอยู่ในระดับที่ดีอยู่แล้ว เพราะถือเป็นระดับต้นๆ ของเมืองไทย การควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวละครก็ทำได้ดี (และเนียนกว่าหนังช้างน้อยเสียอีก) คาแรกเตอร์ก็ดูน่ารัก และเป็นการ์ตูนที่มีสัดส่วนที่ดี มีนางเอกผู้มีปมในใจ และก็มีตัวตลกผู้ช่วยนางเอก มากันตามสูตรที่ดูง่ายเอาใจเด็ก
จุดเล็กจุดน้อยของก้าวแรกอันเป็นก้าวใหญ่ๆ ของ beboydcg ก็ต้องถือว่า ทำออกมาได้โอเค มีทั้งจุดเด่นและจุดด้วยในตัวเดียวกัน คงต้องเอาไปปรับปรุงในเรื่องถัดๆ ไป หลังจากเราได้เสพหนังสือการ์ตูน และแอนิเมชั่นทางทีวีของค่ายนี้กันไปแล้ว จนเชื่อว่า พวกเขาทำแอนิเมชั่นได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย พวกเขาก็เปิดให้เราได้พิสูจน์แล้วว่า พวกเขาก็สามารถทำภาพยนตร์แอนิเมชั่นได้เช่นกัน ประสบการณ์อาจจะน้อย การเล่าเรื่องยาวชั่วโมงครึ่ง หากมองกันจริงๆ แล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
หากคุณอยากลองสัมผัสกับแอนิเมชั่นไทย ที่มีแคแรคเตอร์ที่สวยงามตามสไตล์ของ beboydcg, เพลงประกอบที่น่าฟัง และการเคลื่อนไหวที่ละเอียดพิถีพิถัน ก็ลองมาสัมผัสกันได้
ถือว่า ช่วยกันอุดหนุนก้าวแรกของพวกเขา เพื่อจะได้มีก้าวต่อไปที่สมบูรณ์ยิ่งกว่าให้เราอุดหนุนกันอีก
——————————
ยังไม่ยอมจบ เขียนแต่ละที ยาวๆ ทั้งนั้น จะมีกี่คนที่อ่านทุกตัวอักษรนะ
แอนิเมชั่นเรื่องนี้ เดิมทีถูกกะการณ์ไว้ว่าจะเสร็จในปี 2006 ภาพนี้ ผมเองเอามาจากไหนก็ลืมไปแล้ว พอจะเป็นหลักฐานได้ แต่ไปๆ มาๆ มันก็มาเสร็จและเข้าฉายในปี 2008 จนได้
เห็นมั้ยว่า ช่วงนั้น ทองมันยังเดินสองขาได้อยู่เลย เจ้าผู้ช่วยสามตัวของนาคนี้ ถ้าดูให้ดี จะเห็นว่า มันถูกถอดแบบมาจากแคแรคเตอร์ของ “สามช่า” นั่นเอง แต่ไปๆ มาๆ ก็ไม่สามารถใช้ชื่อของพวกเขาทั้งสามได้ เลยมานั่งโหวตชื่อกันว่าจะเอาชื่อไหน เสียดาย เขาไม่ให้ผมไปโหวตด้วย อิอิ ในที่สุด มันก็ออกมาเป็น “อีด-เขียว-ทอง” อย่างที่เห็นในหนัง
อ้อ มีโปสเตอร์ของ “นาค” ในเวอร์ชั่นฝรั่งๆ มาอวดด้วย
จะเห็นว่า โลโก้นาค เป็นภาษาอังกฤษเขียนว่า “Nak” ไม่รู้ตอนนี้ยังใช้แบบนี้อยู่หรือเปล่า แต่ว่า โลโก้ภาษาไทยมันถูกเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าใครช่างสังเกต “นาค” ในภาพแรกสุดด้านบน มันคืออันเก่า ที่ตอนนี้เปลี่ยนไปให้ดูอ่านง่ายมากกว่าเดิม
มีใครสังเกตบ้าง MBK Center ถูกเปลี่ยนเป็น MAD Center อยู่หนนึง ก่อนจะมาเป็น MKK Center ทีหลัง อิอิ