ในวันที่ใจเรียกร้อง ได้เวลาออกเดินทางตามความหาอากาศดีๆ ให้กับปอดตัวเองอีกครั้ง ผมเดินทางพร้อมเพื่อนๆ ที่คุ้นเคยกันมานานลงใต้ไปไม่ไกลนัก ด้วยลักษณะทริปแบบเดิม คือ ให้เพื่อนคิดให้ ทำเพียงสองอย่าง คือ เอาตัวไปกับเงินไว้จับจ่ายให้พอดีๆ หลังจากนั้น ก็มีความสุขกับช่วงเวลาแสนสั้นนั้นให้เต็ม คราวนี้ เราจะไป “ประจวบคีรีขันธ์”
ตื่นแต่เช้าตรู่ อาบน้ำแต่งตัวแล้วไปยังจุดนัดหมาย การเดินทางที่ไม่ยาวไกลกำลังจะเริ่มขึ้น…
ออกจากกรุงเทพฯ ด้วยรถตู้คันใหญ่ ขน 6 หัวใจแห่งขุนเขาสู่ดินแดนที่ผมยังไม่เคยไปเยือน ด้วยการวางแผนการเดินทางเพียงจุดที่จะไป ทำให้ต้องหยิบเจ้า Google Maps มาเป็นตัวช่วย ในที่สุด เรามาถึงปราณบุรี เลาะเลี้ยว ผิดทางบ้าง ถามทางบ้าง ไปจนถึงจุดหมายแรกของพวกเราได้สำเร็จ “ศาลเจ้าแม่ทับทิมทอง”
ศาลเจ้าแม่ทับทิมทอง ตั้งอยู่เขาที่มีความสูงไม่มากนัก ว่ากันว่า มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่นับถือของชาวปากน้ำปราณอย่างมาก เราจึงเข้าไปไหว้เจ้าแม่ก่อนจะออกมาพักผ่อน เบื้องล่างมองลงไปก็เห็นแม่น้ำปราณสายน้อยๆ ที่แลดูเงียบสงบ ถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย
…แล้วจึงเดินทางต่อ
อากาศร้อนได้ที่ ไม่มีฝน ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ไม่มากสำหรับการเที่ยวดินแดนที่เป็นด้ามขวานทอง พวกเราเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายถัดไป “สิรินาถราชินี” ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน แน่นอนครับ ผมไม่ได้เป็นคนคิดทัวร์เอง ผมเป็นแค่ลูกทัวร์เท่านั้น
แต่ก็ด้วย Google Maps นี่แหละที่เป็นกำลังหนุนอย่างดีในการที่จะพาเราถึงจุดหมาย
สิรินาถราชินี เป็นชื่อศูนย์ศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลน มีพื้นที่ขนาดใหญ่ไว้ทดลองปลูกป่าชายเลนด้วยมือมนุษย์ มีพันธุ์ไม้ป่าชายเลนปลูกอย่างเป็นระเบียบ บ้างก็มีป้ายบอกไว้เรียบร้อยว่าเป็นต้นอะไรกันบ้าง, มีทั้งการเพาะพันธ์และอนุบาลสัตว์ในระบบป่าชายเลน เดินผ่านหย่อมหนึ่งมีปูต่างพันธุ์และต่างวัยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เห็นปลาตีนตัวใหญ่ๆ นอนนิ่งอยู่ในน้ำตื้นๆ ไม่ยักกะเจองู ไม่เป็นไร ดีแล้วแหละ, มีทางเดินให้เราไปชมกันเพลินๆ ทางเดินที่ทำไว้ค่อนข้างดี มีตาข่ายเตี้ยๆ กั้นสัตว์พวกเขาเดินออกมาเพ่นพ่านให้มนุษย์เหยียบ ผมถ่ายรูปมาฝากกันด้วยพอสมควร
ทางเดินบางส่วนถูกปิดปรับปรุงไป แต่ทางเดินส่วนใหญ่ยังคงเปิดให้บริการได้อยู่ เดินกันจนครบรอบ ก็ลงไปสู่จุดที่เขาจำลองการทำเผาถ่านและทำน้ำส้มควันไม้ ก่อนเดินทางกันต่อ เข้าสู่ช่วงบ่ายของวันกันแล้ว
ได้เวลาหาอะไรลงท้องที่เริ่มหิว ห่างจากตรงนั้นไปไม่ไกล ริมชายทะเล บริเวณ ปากน้ำปราณ เรามาถึงร้านอาหารทะเลแสนอร่อย นาม “ร้านครัวแจ๋ว” หรือ “ครัวแจ๋วซีฟู้ด” สั่งอาหารทะเลมาหลายต่อหลายอย่าง อาหารอร่อยมากจนไม่มีเวลาจะถ่ายรูปมาฝาก เห็นว่าตรงนั้น มีกล้วยแขกจิ้มนม ขนมขึ้นชื่อที่มีรายการทีวีมาถ่ายทำด้วย แต่ได้แค่อุดหนุนกล้วยแขก เพราะนมหมดเสียแล้ว…
หลังเติมพลังด้วยเมนูอร่อย ก็ได้เวลาเดินทาง แวะเข้าวัดเข้าวาไปสักการะหลวงพ่อโต (พรหมรังสี) ที่วัดตาลเจ็ดยอด หลวงพ่อองค์ใหญ่ หันหน้าไปยังทุ่งกว้างและภูเขาใหญ่ ทัศนียภาพที่สวยงามยามบ่ายของวันนั้น
ด้วยความไม่ชำนาญพื้นที่ จุดหมายถัดมานี้จึงต้องใช้เวลาพอประมาณในการค้นหา “บึงบัวสามร้อยยอด” หรือ “ทุ่งสามร้อยยอด” แล้วแต่จะเรียกกัน คือจุดหมายแห่งนั้น
หะแรก เราคิดว่าต้องหาทางเข้าไปทางอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด แต่เมื่อพบกับทางเข้าอุทยานฯ ได้แล้ว เราก็ต้องอ้อมไปอีกทางซึ่งผมสับสนจนไม่สามารถแจงให้อ่านได้ ประกอบกับบนแผนที่ของ Google Maps ก็ไม่มีชื่อของสถานที่นี้อยู่ แต่เมื่อถามทางไปเรื่อยๆ ก็หาพบจนได้ น่าเสียดาย เมื่อมาไม่เจอบัวสวยๆ แต่พื้นที่ของทุ่งที่น้ำท่วมขัง มีสะพานยาวๆ ด้านหลังเป็นภูเขาตระหง่าน อยู่ในช่วงบ่ายที่แดดจ้า แค่นั้นก็เพียงพอจะได้รูปสวยๆ แล้ว
แล้วก็ได้เวลาเดินทางไปกุยบุรี เพื่อเช็กอินเข้าสู่ที่พัก รถตู้วิ่งมาตามถนนเลียบชายหาด จนในที่สุดก็มา Kuiburi Hotel & Resort จนได้ เช็กอินแล้วก็ไปพักผ่อนกันเล็กน้อย
…เดี๋ยวค่อยมาต่อตอนสองนะจ๊ะ