ตื่นแต่เช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัวและเก็บกระเป๋าเพื่อเช็คเอาต์โรงแรม Hotel NEO+ Penang เอาไว้ก่อน เพื่อจะได้เที่ยวกันทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลอะไร แต่แน่นอน เพื่อจะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋าไปด้วย เราจึงฝากกระเป๋าไว้กับพนักงาน แล้วเดินตัวเปล่าออกไปเที่ยวกันต่ออีกวัน วันนี้ จะเดินเที่ยว George Town ย่านที่เต็มไปด้วยภาพเขียนสีน้ำมันบนผนังตึก
Street Art คือคำภาษาอังกฤษที่เรียกถึงภาพเขียนสีน้ำมันบนกำแพง/ผนัง ปีนังเป็นเมืองเก่าที่ได้รับอิทธิพลจากโลกตะวันตกมายาวนาน ลักษณะของอาคารในแบบชิโนโปรตุกีสมีปรากฏอยู่แทบทุกมุมของเมือง
ขณะที่จอร์จทาวน์ได้รับคัดเลือกให้เป็นเมืองมรดกโลกก็มีจุดโดดเด่นเป็นของตัวเองนั่นคือ Street Art ที่ปรากฏอยู่ทั่วเมือง แทรกอยู่ที่โน่นที่นี่ จนกลายเป็นลายแทงให้นักท่องเที่ยวเดินเสาะหาเพื่อถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกอยู่ทั่วเมือง
เป็นกิมมิกสุดมหัศจรรย์ที่ทำให้ผู้คนไปเยือน และร้านค้า/ธุรกิจทุกตรอกซอกซอยได้รับอานิสงส์
การเดินไปจอร์จทาวน์จากที่พักไม่จำเป็นต้องใช้รถ เดินไปก็ถึงได้ แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราจึงเริ่มที่การหาอาหารเช้า เพียงไม่กี่ก้าวหลังจากทะลุผ่าน Komtar เราก็แวะร้านติ่มซำที่เคยผ่านมาแล้วเมื่อวันก่อน
พอนั่งโต๊ะปุ๊บ เจ้าของร้านสูงวัยไม่ก็เด็กร้านจะเดินถือถาดที่อุดมไปด้วยเมนูต่างๆ มาให้เลือกหยิบถึงโต๊ะ สุดท้ายก็หยิบมาจนเต็ม ซึ่งต้องบอกว่าอร่อยทุกเมนู ไม่ผิดที่เลือกร้านนี้ ใครไปจอร์จทาวน์ ขอแนะนำร้านนี้ Yong Pin Restaurant อยู่บนถนน Jalan Sungai Ujong
ระหว่างทานยังมีถาดใหม่ๆ มาเสนออยู่เรื่อย ซึ่งต้องขอปฏิเสธไป นี่กะจะให้เป็นมื้อเช้าเบาๆ เท่านั้นนะ
ได้เวลาเดินเก็บภาพ Street Art กันแล้วนะ
ด้วยความที่ชิ้นงานมันอยู่กระจายกันไป การจะเดินให้ถ้วนทั่วย่อมต้องวางแผนและใช้เวลากันนิดนึง ผนวกกับอากาศที่แสนจะร้อนทำให้อาการเหงื่อตกเป็นเรื่องที่หลีกไม่พ้น ทากันแดดและพกน้ำไปด้วยก็น่าจะดี แต่ถ้าไม่แคร์ก็ไม่เห็นว่าจะหนักหนาอะไร
ด้วยแผนที่ที่หยิบมาจากสนามบินเป็นตัวช่วยชั้นดีที่ช่วยในการเดินหาชิ้นงานภาพวาดที่อาจซุกซ่อนตัวอยู่ในหลีบไหนสักแห่งใน George Town เราจึงขอแนะนำให้หยิบแผนที่นี้ทันทีที่เห็น
ที่นี่ บางสี่แยกจะเป็นมุมสวยสำหรับนักวาดรูปสเก็ตช์ พวกเขาจะมานั่งรวมกลุ่มวาดกันที่มุมตรงข้าม
รายรอบยังมีร้านเคลื่อนที่ของกินและของหวาน หิวก็ซื้อทาน แล้วก็เดินต่อ และต่อไปนี้จะเป็นภาพเขียน Street Art ที่เก็บมาได้
หลังจากเดินอยู่นาน กว่าจะเจอกับสตรีทอาร์ตชิ้นแรกที่มีในโบรชัวร์ ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าว ฟ้าใส มีเมฆเป็นบางส่วน จากที่เกรงๆ ว่าฝนอาจจะตก กลับกลายว่ามีแต่เหงื่อเท่านั้นที่ตก
เราเดินผ่านมาถึงถนน Lebuh Muntri ที่เป็นตั้งของที่พักสวยๆ และพิพิธภัณฑ์กล้องอย่าง The Camera Museum เราจะเห็นภาพของเด็กหญิงอย่างเด่นชัดถ้ามาจากแยกท่ีตัดกับถนน Lorong Love
แต่เรามีปัญหากับการหาภาพอีกอันที่ตามโบรชัวร์บอกว่าอยู่ใกล้กันมาก เดินหาตั้งนานจนมารู้ว่ามันซ่อนอยู่ใน The Camera Museum เราต้องเดินเข้าไปข้างใน (ไม่เสียค่าเข้าชมถ้าอยู่เฉพาะด้านล่าง)
ที่นี่ มีห้องน้ำให้เข้า แล้วก็มีสินค้าให้อุดหนุนด้วยนะครับ เดินทะลุไปออกข้างหลังมิวเซียมเพื่อไปยังถนน Lebuh Chulia (บางที อาจเห็นเขียน Lebuh Julia) ก็ได้
เมื่อเราเดินย้อนกลับไปจนถึงถนน Lorong Stewart ซึ่งจริงๆ มันก็ต่อกันกับ Lebuh Muntri นั่นแหละ ก็จะพบภาพของคุณลุงที่ยืนพายเรืออยู่ ภาพนี้ต้องเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ แต่ก็หาไม่ยากอะไร
ใกล้ๆ กันก็จะมีตึกสีขาวอยู่ตึกหนึ่งที่ด้านล่างเป็นเสาเหลี่ยมๆ ช่องประตูโค้งๆ เรียงกันสวยงาม ขณะที่ข้างบนมีความเก่าที่ตัดกันกับข้างล่างอย่างมากมาย
การเดินของเราอาจดูไม่เป็นระบบเท่าไหร่ เปลี่ยนทางไปยังแถว Kapital Keling Mosque มัสยิดที่มีความสวยงามอีกแห่งในปีนัง อายุราว 125 ปี เราเดินมาทางเส้น Lebuh Ah Quee ที่นี่จะเจอหลายจุด รวมถึงภาพมินเนี่ยนก็อยู่ที่นี่ด้วย
บนถนน Lebuh Ah Quee นี่จะเจอสตรีทอาร์ตอยู่หลายภาพหน่อย ภาพนี้อาจจะเห็นได้ง่ายหน่อย เด็กน้อยสองคนกับหนึ่งไดโนเสาร์ (คิดว่านะ) ภาพนี้จะมีนักท่องเที่ยวมานั่งขี่มอเตอร์ไซค์กันประจำ
อาจจะอยู่ในซอกหลีบ ต้องเดินเข้าไปดูถึงจะเจอภาพบรูซลีกำลังสกายคิกเจ้าเหมียวอยู่ ภาพนี้ ไม่ซอกซอนเสาะหาจริงๆ ก็อาจจะไม่เจอ
ส่วนภาพของมินเนี่ยนนี่แทบไม่ต้องส่ายตาเสาะหา สะดุดมาก
นอกจากนี้ก็ยังมีภาพศิลปะเชิงต่อต้านการสูบบุหรี่อยู่ใกล้ๆ อีกด้วย เรียกว่ามาที่เดียวได้เก็บภาพกลับไปเต็มอิ่มมากๆ
เดินเลี้ยวขวาไปจะเป็นถนน Lebuh Pantai จะพบหมู่อาคารสวยโอ่อ่าทว่าประตูปิด อาคารนั้นมีชื่อว่า Seh Tek Tong Cheah Kongsi ด้วยความตาดีจึงเหลือบไปเห็นภาพวาดรูปขบวนหมู่แมวเข้าพอดี เก็บมาฝากจนได้
เมื่อเดินมาเรื่อยๆ ก็จะมาตัดกับถนนดัง Lebuh Armenian ที่นี่ พบผู้คนหนาตาเข้าแถวกันถ่ายรูปสตรีทอาร์ตที่มีชื่อมากภาพหนึ่ง เป็นภาพของสองพี่น้องที่กำลังขี่จักรยานกันอยู่ ดูน้องชายจะกลัวมากเลยนะนั่น
ความจริงแล้ว สตรีทอาร์ตแต่ละชิ้นจะอยู่กระจายกันไปตามถนนซอกซอยต่างๆ ที่เชื่อมถึงกันทั่วเมืองจอร์จทาวน์ อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทุกคนจะเดินไปพบทุกภาพ หรือเห็นเหมือนๆ กัน บางคนอาจพลาดไปบางภาพ บางคนก็อาจจะได้เจอภาพมากกว่าคนอื่น
แล้วแต่ว่าใครจะมีเวลาเดินแค่ไหนและเดินไปทางไหน
เดินกลับมาแล้วข้ามสี่แยก ถนนตรงนี้จะเรียกว่า Gat Lebuh Armenian ที่นี่จะเป็นที่ตั้งของร้านเช่าจักรยาน ตรงข้ามเป็นร้านกาแฟและเบเกอรี่บรรยากาศดีมีแอร์เย็นๆ ชื่อ Gudang Cafe’ หน้าร้านจะมีรถขายเครื่องดื่มชื่อ Bumper Bean
ตรงนี้จะมีสตรีทอาร์ตรูปแมวอยู่ทั้งสองฝั่งถนน
อีกด้านเป็นภาพวาดของแมวสีเหลืองตัวใหญ่ สีเริ่มจะจาง บางทีก็อาจจะหายากหน่อย เพราะวันที่เราไปก็พบว่ามีรถบรรทุกจอดบังอยู่ เกือบไม่เห็นแล้วเหมือนกัน
เดินต่อหันหน้าไปทางทะเล ก่อนที่ถนนจะตัดกับ Pangkalan Weld ก็จะพบกับ สตรีทอาร์ตอีกชิ้นหนึ่ง เด็กสองคนปรากฏกายที่หน้าต่าง มือกำลังจะไขว่คว้าอะไรสักอย่าง ข้างนอกมีจักรยานที่บรรทุกอาหารอยู่
ข้ามถนน ไปยังชุมชนย่านริมชายทะเลที่หลายคนคุ้นชื่อกันดี Chew Jetty ที่นี่จะมีร้านขายของที่ระลึกมากมาย และมีสตรีทอาร์ตบนฝาบ้านที่เป็นไม้ เป็นภาพของยาย(หรือตาก็ไม่ทราบ) กับหลานชายนั่งหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ไม่ได้เข้าไปเยี่ยมชุมชนลึกนัก พวกเราหันไปเดินเล่นที่ถนน Lebuh Chulia กันอีกครั้ง ถนนเส้นนี้เป็นถนนสายที่ยาวสายหนึ่งที่ขนานกันไปกับถนน Lebuh Campbell เลี้ยวเข้าได้ไม่เท่าไหร่ ก็จะเจอกับโรงแรมน่าพัก The Container Hotel Penang
เดินไปอีกหน่อยก็จะเจอกับสตรีทอาร์ตอีกแห่ง เป็นภาพเก่าแก่ที่สุดภาพหนึ่ง ภาพของเด็กสองคนเล่นบาสกันอยู่ จะซ่อนอยู่นิดๆ ในซอกเล็กที่ตรงนั้นมีร้านกาแฟขนาดน่ารักๆ วางตัวอยู่
ข้ามไปฝั่งตรงข้าม ตรงนั้นมีร้านกาแฟน่านั่งตั้งอยู่ ตรอก Step by Step ข้างๆ ร้านจะมีอีกสองภาพ หนึ่งในนั้น ค่อนข้างเป็นภาพที่ป็อปปูลาร์เอามากๆ ภาพของชิงช้าที่เด็กสองคนยืนเล่นกันอยู่ มีเก้าอี้ให้นักท่องเที่ยวนั่งเล่นและถ่ายรูปกันได้
อาจจะเป็นทริปที่เก็บได้มากที่สุดตามที่ปรากฏไว้ในโบรชัวร์ แต่ก็มักพบว่า ยังมีอีกมากที่คนเมืองวาดมันขึ้นมาเพื่อสร้างกิมมิกให้กับพื้นที่รอบๆ ธุรกิจของตน บางจุดก็ดูไม่มีใครเหลียวแลมันเท่าไร คนอาจวาดมันออกมาเล่นๆ อย่างเช่นภาพนี้
เดินมาจนถึงถนน Lebuh Cannon ก็จะเจอสตรีทอาร์ตอีกชิ้น เป็นภาพของเด็กชายที่ยืนเขย่งขาบนเก้าอี้ คล้ายจะเรียกคนข้างในอะไรประมาณนั้น
หมดเวลาเดินเล่น George Town แล้วล่ะ เวลาของเราที่นี่ก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว เพื่อนร่วมทางต้องเหลือเผื่อเวลาสำหรับการช้อปปิ้งที่ 1st Avenue จึงเลือกจะเดินทางกลับด้วยรถถีบรับจ้างซึ่งก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่ง เราต่อรองเป็นนั่งคันละสองในราคา 15 RM เวลาที่เหลือก็ช้อปปิ้งแล้วเดินไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ นั่งแท็กซี่เดินทางไปยังแอร์พอร์ต
ทุกอย่างทันเวลา ออกจะเหลือด้วยซ้ำ จึงใช้เวลานั่งรอมานั่งทานอาหารมื้อสุดท้ายที่ปีนัง ที่ Kaffa Signature ก่อนบอร์ดดิ้งและก่อนเครื่องบินจะลอยลำขึ้น
6:55PM อาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2560 PEN
เครื่องบินแอร์บัสของสายการบินสีแดงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือปีนัง มุ่งหน้าสู่เขตแดนประเทศไทยไปลงจอด ณ สนามบินนานาชาติดอนเมืองอีกครั้ง
กลับเมืองไทย อย่าลืมปรับเวลาในมือถือและนาฬิกาข้อมือกลับไปเป็นอย่างเดิม คือช้ากว่าเวลามาเลเซีย 1 ชั่วโมงนะครับ
07:25PM อาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2560 DMK
เครื่องบินทำเวลาอย่างดีมาก มาถึงที่หมายก่อนเวลาราวๆ 20 นาที แต่เราก็ต้องเข้าแถวรอคิวแท็กซี่อยู่เป็นสิบนาทีเช่นกัน และก็ถึงบ้านอย่างปลอดภัย
จบทริปสั้นๆ หนทางใกล้ๆ ของพวกเราแต่เพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่กับการพาเที่ยวครั้งหน้า โปรดตั้งตารอ
1 คอมเมนต์