ล่วงเข้าสู่วันที่สองของการมาเยือนเมืองกาญจน์ หลังจากวันวานโปรแกรมดูหลวมโครกไปถนัดใจเพราะฝนฟ้า วันนี้ เราจึงเลือกที่จะไม่เที่ยวในเมืองอีกแล้ว หากแต่มุ่งหน้าขึ้นสู่อำเภอไทรโยคทันทีที่ทานข้าวเช้าในร้าน “อบอุ่นเฮ้าส์” เสร็จแล้ว
จ.กาญจนบุรี ถือเป็นจังหวัดใหญ่จังหวัดของไทย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ติดกับเขตแดนของประเทศเมียนมาร์ การเดินทางจาก อ.เมือง ไปยัง อ.ไทรโยค ใช้เพียงถนนแสงชูโตที่มีคุณภาพถนนค่อนข้างดี อีกทั้งสองข้างทางยังมีทิวทัศน์ที่สวยงาม เมื่อผสานกับฟ้าในหน้าร้อนที่แดดจ้า ฟ้าเป็นสีฟ้า มีเมฆสีขาวล่องลอย นี่ถ้ามีเวลาเยอะแยะคงได้จอดรถกันบ่อยๆ แล้วถ่ายเก็บทุกช่วงกันเป็นแน่
เพียงแต่วันนี้ เราไม่ได้ทำเช่นนั้น
ถ้ำกระแซ – ทางรถไฟสายมรณะ
เราเดินทางไกลหลายสิบกิโลเมตรเพื่อมาเยือนจุดแรก ถ้ำกระแซ จุดหยุดรถที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เพราะเป็นจุดที่อันตรายที่สุดสำหรับการเดินทางโดยรถไฟสายมรณะสายนี้ เพราะทางรถไฟต้องวางตัวคดเคี้ยวอยู่บนสะพานกึ่งไม้กึ่งเหล็กเลียบไปกับหน้าผา อีกด้านมองลงไปเป็นแม่น้ำสายเล็ก มีถ้ำที่ไม่ลึกนักชื่อ “ถ้ำกระแซ” อยู่ตรงนั้นและมีพระพุทธรูปให้สักการะขอพรในนั้นด้วย
ประวัติการสร้างทางรถไฟสายนี้มีแต่ความตาย เชลยศึกที่ถูกเกณฑ์มาสร้างต่างล้มตายกันไปมากเพื่อให้รางรถไฟสายนี้เป็นผลสำเร็จ
เดินบนทางรถไฟต้องระวังกันนิดนึง พลาดพลั้งตกลงไปอาจจะรอดยาก ผมโดนผึ้งตัวหนึ่งมาเกาะที่มือ เหมือนมันหมายจะแทงเหล็กไนเข้าเนื้อผม โชคดีที่ไหวตัวทัน สะบัดหลุดไปเสียก่อน ชะรอยมันจะเข้าใจผิดว่าผมไปยุ่งย่ามกับรังมันก็ไม่รู้
แดดร้อนแรงอย่างมาก ที่นี่มีร้านขายเสื้อและของที่ระลึกมากมาย ไอศกรีมก็มีขายพอดับร้อนกันได้บ้าง แต่ผมมาเก็บภาพอย่างเดียวน่ะ
น้ำตกไทรโยคน้อย
แล้วก็มาถึงอีกจุดหนึ่ง น้ำตกไทรโยคน้อย น้ำตกที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของผู้คนมากมาย แต่น้ำในช่วงต้นเดือนมิถุนาช่างน้อยนัก
เราจึงได้มาเพียงพบพานและเก็บภาพของรถไฟขบวนเก่าและรถไฟขบวนปัจจุบันที่มาสิ้นสุดเส้นทางที่นี่
ต้นจามจุรียักษ์
หลังพักทานมื้อกลางวันก็ได้เวลาของการกลับสู่ อ.เมือง ดูเหมือนว่าจะยังพอมีเวลาอยู่นิดหน่อย จึงอาศัย Google Maps นำทางเราไปสู่มหึมาจามจุรีที่ซ่อนตัวอยู่ในหลืบลึกของกาญจนบุรี ต้นก้ามปูที่มีอายุราวร้อยปีมีขนาดของกิ่งก้านสาขากว้างใหญ่กว่าขนาดลำต้นหลายเท่านัก
จำได้เพียงว่า เราขับรถเข้าไปลึกมาก จากเดิมที่เป็นทางร่วมที่จะไปยังวัดถ้ำเสือ มันผ่านหมู่บ้านมากมาย จากถนนราดยางสายเล็กๆ กลายเป็นถนนคอนกรีต แล้วก็กลายเป็นถนนลูกรัง จนคิดว่านี่เราถึงแล้วหรือเลยไปแล้วกันแน่ เรายังไปต่อไปเรื่อยๆ ในที่สุด รอบสองข้างถนนก็มีแต่ป่า เงียบเชียบ ไร้วี่แววของรถที่สัญจรสวนทาง แต่เราก็ยังขับต่อไป จนในที่สุด…
จามจุรีขนาดยักษ์ตั้งอยู่ที่ขวามือของถนน หักเลี้ยวเข้าไปทันใด มันใหญ่มหึมาจริงๆ
เราถ่ายรูปกันอยู่นานครับ กว่าที่จะมีรถคันอื่นตามมาถึง เมื่อเราพบว่ามันไม่ได้สงบเงียบและมีแต่เราแล้ว เราก็จากมา กะว่าจะกลับกรุงเทพฯ กันเสียที แต่ก็ยังแวะเพิ่มอีกที่จนได้
วัดถ้ำเสือ
ขับรถตามเจ้าพ่อกูเกิลไป กลับได้พบว่ามีทางขึ้นด้านหลังวัดด้วย แต่นั่นไม่ใช่จุดหมาย จึงกลับลงมาแล้วไปเข้าอีกทาง วัดนี้มีภูเขาลูกเล็กๆ ที่ตั้งของเจดีย์ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ รวมทั้งที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุด้วย การจะขึ้นไปจึงต้องใช้บันได ซึ่งถ้าไม่ไหวก็มีบริการรถกระเช้าหัวละ 10 บาท แต่เราเลือก “เดิน”
ปวดขามิใช่น้อยเลย เมื่อใกล้จะถึงบันไดขั้นสุดท้าย ก่อนจะได้พบมุมดีๆ น่าถ่ายรูปบนนั้น
ที่นี่เจดีย์ดูมีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมจีนและไทย แถมยังได้เห็นทัศนียภาพเบื้องล่าง แหล่งน้ำขนาดใหญ่ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยปุยเมฆขาวและเทา บางส่วนฝนคงกำลังตกอยู่แน่ๆ
แล้วก็ได้เวลาบึ่งกลับกรุงเทพฯ กันแล้วสินะ ออกมาจากวัด ข้ามแม่น้ำ จึงพบว่ามันเป็น อ.ท่าม่วง แต่อย่างไรก็ตาม หาเส้นแสงชูโตให้ได้ก็น่าจะกลับกันถูกแล้วล่ะครับ
————————————————
[กาญจนบุรี (1) | สะพานข้ามแม่น้ำแคว] [กาญจนบุรี (2) | หาที่กินกันดีกว่า]
2 คอมเมนต์