เป็นเหมือนธรรมเนียมไปแล้วนะเนี่ย ที่พอถึงเวลาสิ้นปีเก่า จะผ่านเข้าไปสู่ปีใหม่ เราจะต้องมารวบรวมหนังดีๆ ที่ได้ดูไปในรอบปี คัดเฉพาะเรื่องที่เด็ด เลือกเฉพาะเรื่องที่ชอบ เก็บรวบรวมเอามาแนะนำกัน มันเป็นลิสต์ที่กลั่นกรองออกมาจากมุมมองส่วนตัว อาจจะไม่ใช่ลิสต์จากนักวิจารณ์ระดับแนวหน้า ทว่า มันก็คงจะพอมีคุณค่าพอสำหรับคนที่อยากจะเก็บตกหนังๆ ที่พลาดไปในปี 2558 ที่กำลังจะผ่านไป
หลังจากกลั่นแล้วกรองอีก แม้จะพบว่ามีหนังมากมายหลายเรื่องที่ดูดีและควรค่าแก่การแนะนำ แต่ผมก็คงมิอาจรวมทุกเรื่องมาในบทความเดียวกันได้ มันจึงได้ออกมาเป็น ‘รวม 13 หนังที่ประทับใจประจำปี 2558 ของนายแพท’ อยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ก็เพียงคลิกที่ชื่อเรื่องเท่านั้นเอง
และเช่นเคย นายแพทคนนี้ก็ยังใช้วิธีเดิมๆ คือ ไม่จัดอันดับ ไม่กำหนดตายตัวว่าต้องเลือกมาเท่าไหร่ หลายๆ เรื่องไม่ได้มีกฏเกณฑ์ที่ตายตัวในการตัดสิน หลายเรื่องอาจจะไม่ตรงกับใจใครบางคน หากจะตรงบ้างไม่ตรงบ้างกับความคิดใคร ก็คงต้องบอกว่าอ่านตรงนี้ไว้ก่อนนะ
เอ้า! เริ่มกันเลยแล้วกัน
STAR WARS: THE FORCE AWAKENS
มหากาพย์สตาร์วอร์สบทใหม่ ที่ได้ชื่อภาคว่า ‘อุบัติการณ์แห่งพลัง’ ผลงานการกำกับและร่วมเขียนบทโดย J.J. Abrams ภายใต้การควบคุมของดิสนีย์ผู้กุมบังเหียนของ Lucasfilm อีกทีหนึ่ง หนังโปรโมทอย่างปูพรมและไม่เปิดตัวเนื้อเรื่องใดๆ หนังที่เปิดตัวด้วยรายได้สูงสุดทำลายทุกสถิติในหลายประเทศที่เข้าฉาย และได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์ นักดูหนัง และสาวกเดนตายของมหากาพย์เรื่องนี้ว่า มันยอดเยี่ยมยิ่งนัก
ด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่ตื่นเต้นเร้าใจตลอดสองชั่วโมงเศษ ลดความเนิบนาบลงไปซึ่งก็เข้ากับสไตล์ของคนชอบหนังไซไฟสมัยนี้ แถมยังใส่เนื้อเรื่องที่ล้อไปกับภาคเก่า หยิบเอาตัวละครที่แฟนสตาร์วอร์สคุ้นเคยกลับมาโลดแล่นให้หายคิดถึง แม้บทจะมีช่องโหว่บ้าง แต่คือความฟินของแท้สำหรับแฟนตัวยง แม้แต่คนที่ไม่เคยดูมาก่อนก็สามารถเข้าใจเรื่องและดูได้สนุก
แถมยังทำลายทุกๆ สถิติในโลกภาพยนตร์เป็นว่าเล่น
THE MARTIAN
นี่คือหนังไซไฟที่ดีที่สุด สมจริงที่สุด ในรอบปี 2015 ‘The Martian’ ผลงานเอกอุจาก Ridley Scott ผกก. ชื่อดังอีกคนแห่งยุค ดัดแปลงบทมาจากนิยายขายดีจากฝีมืออดีตโปรแกรมเมอร์ผู้ผันตัวมาเขียนเป็นเล่มแรก กับเรื่องราวของนักพฤกษศาสตร์ที่ร่วมเดินทางไปสำรวจดาวอังคารแต่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อนจนทีมต้องรีบเร่งเดินทางกลับโลก โดยทิ้งพระเอกไว้บนดาวอังคารเพราะคิดว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว หนังเล่าถึงการใช้ชีวิตตัวคนเดียวบทดาวอังคารที่สภาพแวดล้อมช่างเปราะบางสำหรับมนุษย์
หนังเล่าแบบมีเหตุผลรองรับ มีที่มาที่ไปจนหนังดูสมจริงน่าเชื่อถือ ผู้ชมได้ทั้งความลุ้นระทึกไปกับปฏิบัติการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่รอดชีวิตอย่างน่าเหลือเชื่อบนดาวอังคาร บางฉากที่มุ่งประเด็นไปที่การถกเถียงกันนั่นก็กลับสำคัญขึ้นมาเพราะพูดถึงประเด็นที่น่าสนใจ ทั้งยังได้ขำคิกคักไปมุกตลกที่สอดแทรกเข้ามาอย่างแนบเนียน มีฉากดราม่าชวนน้ำตารินอีกต่างหาก
ทุกคนต่างยกนิ้วให้ว่านี่คือหนังไซไฟที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยดูมา
MAD MAX: FURY ROAD
ผลงานอันเอกอุจาก George Miller ผู้กำกับ/นักเขียน/ผู้อำนวยการสร้าง เจ้าของไอเดียแห่งวิสัยทัศน์ที่ต้องบอกว่าคุ้มค่าสมแก่การรอคอย เขาเล่าถึงโลกมนุษย์ในอนาคตที่ต้องผ่านความเปลี่ยนแปลงอันเลวร้ายของสภาพอากาศจน “น้ำ” กลายเป็นสิ่งหายากและกลายมาเป็นสิ่งที่ชักจูงผู้คนให้เชื่อฟังและเป็นทาส แต่หนังเรื่องนี้เชิดชูความเป็นหญิงให้โดดเด่นเมื่อเลือกให้ Imperator Furiosa คือตัวละครที่ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่าง
ด้วยการถ่ายทำที่ใช้สตันต์และเอฟเฟ็กต์จริง ทำให้หนังมันดูสมจริงมาก แม้เรื่องราวจะบางเบาแต่ก็ ‘Mad Max: Fury Road ถนนโลกันตร์’ ก็ทำให้อึ้งและตื่นตาไปได้ตลอดรอดฝั่ง งานด้านวิชวลที่ตระการตา มุมกล้องและการถ่ายทำแต่เหมาะเหม็งจะรับชมในแบบ 3 มิติ
การกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบของความบ้าคลั่งได้ใจคอแอ็คชั่นยิ่ง
INSIDE OUT
แอนิเมชั่นจาก Pixar มักเป็นที่จับตาเสมอด้วยความถึงในด้านคุณภาพ แม้ว่าหลายเรื่องในช่วงหลังที่อาจจะมือตกไปบ้าง แต่กับหนังเรื่องนี้หลายคนบอกว่า Pixar กลับมาแล้ว กับการเล่าเรื่องของเด็กน้อยไรลีย์กับพ่อแม่ในด้านที่เกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึกและความทรงจำ โดยพูดถึงนามธรรมออกมาในแบบที่เข้าใจง่ายขึ้น แบ่งแยกอารมณ์ที่ซับซ้อนของคนเราออกมาเป็นคาแรกเตอร์ Joy, Sadness, Anger, Fear และ Disgust และยังรวมไปถึงกระบวนข้างเคียงที่อยู่กับเรามานานเท่าอายุขัย ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนในจินตนาการ ความฝัน ความสลับซับซ้อนของการจัดระบบความคิดของมนุษย์อีกด้วย
ทำให้มันไม่ใช่แอนิเมชั่นสำหรับเด็กเสียทีเดียว และกลับกลายเป็นว่าผู้ใหญ่จะดูมันเข้าใจและลึกซึ้งมากกว่า เพราะเนื้อหาของ ‘Inside Out’ ซับซ้อนเกินกว่าเด็กทั่วไปจะเข้าใจ แต่ผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมาทุกแบบ ทั้งการเป็นลูก จนมาถึงการเป็นพ่อแม่ น่าจะเข้าถึงเรื่องราวได้มากกว่า การกับเขียนบทได้เหมาะสมและกลมกล่อม ทำให้ผู้ชมได้ทั้งเสียงหัวเราะและคราบน้ำตา
นี่แหละที่ผมบอกว่า Pixar กลับมาคืนฟอร์มแล้ว
THE LOBSTER
ด้วยพล็อตที่แปลกประหลาดเกินกว่าที่จะได้เห็นจากหนังเรื่องไหนๆ ที่ได้ดูมา นี่คือหนังเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเรื่องแรกของ Yorgos Lanthimos ผกก. ชาวกรีซ ที่ทำหนังแต่ละทีมีแต่พล็อตที่ไม่เหมือนใคร เมื่อเขาจับเอาโลกใบเดิมมาเขย่าเล่ากลายเป็นมุมใหม่ ‘The Lobster’ เมื่อคนเป็นโสดจะต้องส่งกลับเข้าโรงแรมไปปรับทัศนคติ เอ้ย เพื่อหาคู่ พวกเขาต้องหาคู่แท้ได้ภายในกำหนด 45 วัน มิฉะนั้นจะต้องกลายเป็นสัตว์ที่ตัวเองได้เลือกเอาไว้
หนังพูดถึงชีวิตมนุษย์โลกทั้งสองด้าน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของคนมีคู่หรือแม้แต่คนโสด บางแง่มุมมันคือชีวิตของมนุษย์จริงๆ ที่หยิบมาจิกกัดกันอย่างเจ็บๆ แสบๆ แกมสะใจ หนังรวบรวมนักแสดงฝีมือดีเอาไว้เพียบ ผสานกับพล็อตที่ยอดเยี่ยม แม้ว่ามันจะไม่แมสโดนใจคนกลุ่มใหญ่เลยสักนิดเดียว
แต่มันคือหนังที่คนรักความแปลกใหม่ชอบใจนักล่ะ
BRIDGE OF SPIES
เมื่อ Steven Spielberg ร่วมงานกับ Tom Hanks อีกครั้ง กับหนังสปายอีกเรื่องจากพ่อมดแห่งวงการฮอลลีวูดคนนี้ ‘Bridge of Spies’ สร้างจากเรื่องจริงของทนายความผู้ตกอยู่ท่ามกลางสงครามเย็น เขาได้รับการทาบทามให้มาแก้ต่างแทนสายลับโซเวียตที่เข้ามาสอดแนมในแดนมะกัน มันคือภารกิจที่ไม่มีใครอยากทำ ว่าความแก้ต่างให้กับชายคนที่อเมริกันต่างเกลียดกันทั้งประเทศ และมีเพียงเขาเท่านั้นที่เลือกรับงานเช่นนี้
บทหนังเรื่องนี้ถูกเขียนมาเพื่อพูดถึงหลายปมที่ขมวดรวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน หนึ่งในนั้นคือ เรื่องของความหมายของชาติ อีกหนึ่งคือความเท่าเทียมกันในด้านความเป็นมนุษย์ อีกหนึ่งนั้น คือความสามารถในด้านการเจรจาที่โคตรมหาเทพ
หนังพูดถึงหลายสิ่งในเรื่องเดียวกันได้อย่างกลมกลืน
STRAIGHT OUTTA COMPTON
หนังที่ประทับใจประจำปี 2558 ยังไม่หมดครับ ยังมีอีก ‘Straight Outta Compton’ หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งที่ชื่อ Compton แหล่งซ่องสุมค้ายาเสพติดที่ดูเป็นแหล่งเสื่อมโทรมแต่กลับเป็นแหล่งก่อกำเนิดของกลุ่มฮิปฮอปที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนโลก แถมกลายเป็นอีกหน้าหนึ่งของการเปลี่ยนโฉมวงการวงเพลงโลกไปอย่างสิ้นเชิง หนังใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงครึ่งร่ายยาวถึงประวัติของพวกเขาตั้งแต่ก่อนจะรวมตัว บอกเล่าความเป็นมาเป็นไปแทบทุกจุด บอกเล่าที่มาของเนื้อหาหลายต่อหลายเพลง แต่ไม่เคยรู้สึกได้ถึงความน่าเบื่อแม้สักวินาที
บางคนอาจจะเกิดไม่ทันยุคนั้น บางคนอาจพอเคยได้ยินมาบ้าบางเพลง แต่มันเป็นหนังที่มีเพลงประกอบเยอะมาก นอกจากหนังจะวิพากษ์สังคมอเมริกันเรื่องการเหยียดสีผิวแล้ว หนังก็ยังเล่าไปถึงเบื้องลึกของวงการเพลงอีกด้วย อุปสรรคของพวกเขาช่างมากมายเหลือเกิน แม้มันจะดิบ แม้มันจะเถื่อน
แต่ก็เป็นหนึ่งในหนังชีวประวัติคนดังที่ดีที่สุดเท่าที่เคยได้ดูมา
AMY
จากหนังที่สร้างโดยได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง มาถึงหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวจริงๆ กันบ้าง นี่คือหนังสารคดีชีวิตของนักร้องแจ๊สที่มีแววจะเป็นตำนานของวงการเพลงถ้าไม่เพราะทุกอย่างที่เธอเป็นเธอ และทุกคนรอบข้างร่วมกันสร้างและทำลายเธอให้อับแสงลง สารคดีเรื่องราวของ ‘เอมี่ ไวน์เฮ้าส์’ จากจุดเริ่มต้นที่ครอบครัวต้องการสร้างสารคดีของนักร้องแจ๊สชื่อดัง กลายมาเป็นสารคดีชีวิตอันน่าเศร้าของเธอ
หนังทำให้เราเห็นแง่มุมต่างๆ คนข้างกาย และธุรกิจที่รายรอบเธอ ทำให้เห็นว่าเธอช่างเป็นศิลปินโดยเนื้อแท้ ช่วงท้ายของชีวิตเธอ มันช่างดูแสนจะยาวนานเหลือเกินในหนัง แสนเศร้าหดหู่จนเกินจะอดใจน้ำตาไหลมิได้
แม้เราจะรู้จุดจบของเรื่องแล้วก็ตาม
LITTLE FOREST
หนังญี่ปุ่นสไตล์สโลว์ไลฟ์ที่โด่งดังมากในปี 2015 เรื่องราวของสาวน้อยน่ารักกลับบ้านนอกมาทำนาปลูกผักกินเอง ที่แบ่งออกเป็น 2 ภาค 4 ฤดู คือ ‘Little Forest: Summer & Autumn’ และ ‘Little Forest: Winter & Spring’ เรื่องราวที่มุ่งเน้นไปที่ตัวสาวน้อยอิชิโกะ เธอต้องอยู่บ้านคนเดียว ทำอาหารเมนูต่างๆ จากวัตถุที่หาได้จากแถวบ้าน ผนวกวิถีชีวิตคนชนบทที่ทำให้หลายคนถึงกับโหยหาอยากจะมีชีวิตแบบนั้นบ้าง
หนังเดินเรื่องอย่างนิ่งๆ เรียบๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของทิวทัศน์ของญี่ปุ่นในชนบท พื้นที่สีเขียว ท้องนา ไร่ผัก ยามหน้าหนาว หิมะขาวโพลน เมนูที่พวกเขาทำกันก็เปลี่ยนไปตามฤดูกาล แทรกซึมเรื่องราวมาเพียงน้อยนิดและไม่ได้สรุปอะไรมากนัก แต่ก็ไม่ได้ลงความเห็นไปในทางใดทางหนึ่งว่า การมีชีวิตแบบไหนที่ดีกว่ากัน
หนังที่ดูแล้วหิว ดูแล้วอิ่มสุข นี่แหละคือหนังเรื่องนี้
PK
ไม่ใช่บ่อยครั้งนักหรอกนะที่นายแพทจะได้ชมหนังอินเดียในโรงบ้านเรา แถมเป็นหนังอินเดียที่ใครๆ เขาว่า ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์หนังอินเดียเลยทีเดียว ‘PK’ แถมยังเป็นหนังสือที่พูดถึงปมของความแตกต่างทางด้านความเชื่อความศรัทธา แถมเรื่องราวโดยย่อยังเรียกได้ว่า จัดเต็มทุกทาง ทั้งแฟนตาซี ดราม่า โรแมนติก และคอเมดี้ เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวที่มาตกระกำลำบากอยู่บนโลกมนุษย์ ระหว่างการหาทางกลับบ้าน เขาได้เผชิญทุกสิ่งที่เขาไม่เข้าใจที่พาให้เราได้เห็นแง่มุมอะไรบางอย่างที่มัน “จริง” ทีเดียว
ผู้ชมอย่างเราได้แต่หัวเราะร่า น้ำตาริน และอึ้งกับการสื่อสาร หนังเล่นเอาเราหัวร่องอหายกับความตลกร้ายของตัวละครนำ จิกกัดมนุษย์โลกผู้ที่เชื่อต่างกันและเชื่อโดยไม่ตั้งคำถามไว้มากมาย ก่อนจะนำไปสู่การโต้ตอบที่คมคายในช่วงหลัง หนังไม่ได้ชี้นำอะไร
และหนังก็ไม่ได้ดูถูกผู้ชมเลยแม้แต่น้อย แล้วจะไม่ให้เป็นหนังที่ประทับใจประจำปี 2558 ไปได้อย่างไรกัน
BIRDMAN
หนังที่เป็นหนึ่งสัญญาณจุดประกายว่าผู้ชายคนนี้กำลังกลับมา Michael Keaton อีกหนึ่งระดับรางวัลที่มีจุดขายด้านการถ่ายภาพสไตล์ลองเทคที่จัดเต็มทั้งเรื่อง จัดเต็มงานโปรดักชั่นสุดเนี้ยบทั้งทีมงานและนักแสดง ‘Birdman’ เล่าเรื่องราวการดิ้นรนของอดีตดาราดังที่อยากกลับมาถูกจดจำอีกครั้งในหนทางบรอดเวย์ ชายผู้เข้าสู่ความสูงวัยที่เคยผ่านบทโดดเด่นในหนังซูเปอร์ฮีโร่ แต่เขากลับไม่สานต่อทางเดิม จนชีวิตตกต่ำแต่จมไม่ลงคิดอาจหาญขึ้นสู่พื้นที่จุดสนใจของผู้คนอีกครั้ง
ผลงานระดับรางวัลออสการ์จากผู้กำกับ Alejandro G. Iñárritu ที่ทำให้เชื่อว่า เขาต้องซักซ้อมกับทีมงานมาอย่างดีมากๆ มีการจัดการที่ดีเยี่ยม จนทำให้การถ่ายทำและตัดต่อเป็นไปอย่างรวดเร็ว
นี่คือหนังที่เล่น ‘ท่ายาก’ จนคว้ารางวัลมาครอง
STILL ALICE
เรื่องราวของผู้หญิงวัย 40 คนหนึ่งที่กำลังพบความผิดปกติทางสมองของตนเอง และเมื่อไปให้หมอตรวจ ก็ได้รับรู้ว่าเธอกำลังเป็นโรคอัลไซเมอร์ชนิดที่พบน้อยมาก มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนๆ หนึ่งที่มีหน้าที่การงานที่ดี แต่กำลังสูญเสียความทรงจำที่สะสมมาทั้งชีวิต หนังดราม่าที่ Julianne Moore ตีบทเสียแตกกระเจิง นี่แหละ ใช่เลย หนังที่ประทับใจประจำปี 2558 ของผมล่ะ
บทหนัง ‘Still Alice’ ที่ไม่เล่นอะไรซับซ้อนมากนัก หากแต่ใช้อารมณ์ความเป็นครอบครัวมาเล่าเรื่องราว บทสนทนาที่ดูเรียบง่าย แต่กลายเป็นฉากเรียกน้ำตา และดาราที่ทุกคนชื่นชมในด้านการแสดงก็คงจะเป็น Kristen Stewart ที่สวมบทบาทลูกได้ดีเหลือเกิน
หนังดราม่าครอบครัวที่สะเทือนใจมากๆ เรื่องหนึ่งเลยล่ะ
THE IMITATION GAME
หนังที่สร้างอ้างอิงมาจากเรื่องจริงของชายผู้เป็นส่วนสำคัญของกำเนิดคอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันในปัจจุบัน อลัน ทัวริง ที่ถูกถ่ายทอดมาทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เขาเป็นอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์ที่เข้ารับหน้าที่ถอดรหัสลับนาซีเพื่อช่วยให้ชนะสงคราม แต่อีกด้าน เขาคือชายรักร่วมเพศผู้ที่สังคมในขณะนั้นไม่ยอมรับ
ด้วยพลังด้านการแสดงของ Benedict Cumberbatch ผสานกับความสวยแกมเก่งของ Keira Knightley
ทำให้ ‘Imitation Game’ คือหนังชีวประวัติที่ประทับใจผมอีกเรื่องหนึ่ง
แน่นอนว่า หนังที่ประทับใจประจำปี 2558 ทั้ง 13 เรื่องเด่นของใครก็คงจะต้องเป็นของมัน คงจะไม่ได้ตรงกับใครๆ ไปเสียหมด แต่หากจะอยากลองเก็บตก หาหนังปี 2015 ที่ผ่านมาที่ยังไม่ได้ดู บทความนี้คงจะพอช่วยคุณเรื่องนั้นได้บ้าง ว่ามั้ย?
